ปรากฏการณ์จันทรุปราคา




จันทรุปราคา  คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์  โลก และดวงจันทร์เรียงอยู่ในแนวระนาบเดียวกันพอดี  จันทรุปราคาจะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนวันเพ็ญ 15 คู่ หรือคืนวันพระจันทร์เต็มดวง  ปรากฏการณ์จันทรุปราคาแม้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ  แต่ก็มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อในหลายวัฒนธรรมมาช้านานรวมทั้งของไทยด้วย ซึ่งลักษณะของจันทรุปราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงจันทร์ที่เคลื่อนที่ผ่านเงาของโลกในเวลานั้นๆ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์จันทรุปราคาไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเดือน เนื่องจากระนาบที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์และระนาบที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่วงโคจรจะทำมุมกัน 5องศา  ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดจันทรุปราคา  จึงมีเพียงประมาณปีละ 1-2 ครั้ง  โดยที่สามารถมองเห็นจากประเทศไทยเพียงปีละครั้ง
การเรียกจันทรุปราคาสามารถเรียกได้หลายอย่าง  เช่น  จันทรคราส, จันทรคาธ, ราหูอมจันทร์
และกบกินเดือน

เงาโลก
        โลกเป็นดาวเคราะห์ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง หากแต่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านที่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เป็นเวลากลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เป็นเวลากลางคืน  โลกบังแสงอาทิตย์ทำให้เกิดเงา 2ชนิด คือ เงามืด และเงามัว




เงามืด (Umbra) เป็นเงาที่มืดที่สุด เนื่องจากโลกบังดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น หากเราเข้าไปอยู่ในเขตเงามืด จะไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้เลย
เงามัว (Penumbra) เป็นเงาที่ไม่มืดสนิท เนื่องจากโลกบังดวงอาทิตย์เพียงด้านเดียว หากเราเข้าไปเขตเงามัว เราจะมองเห็นบางส่วนของดวงอาทิตย์โผล่พ้นส่วนโค้งของโลก เงาที่เกิดขึ้นจึงไม่มืดนัก
        จันทรุปราคาเกิดขึ้นเฉพาะในคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง โดยที่ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์เรียงตัวเป็นเส้นตรง ผู้สังเกตการณ์ในซีกโลกกลางคืนสามารถมองเห็นปรากฏการณ์ทั้งหมดได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง แต่จะเห็นดวงจันทร์อยู่ในเงามืดได้นานที่สุดไม่เกิด 1 ชั่วโมง 42 วินาที เนื่องจากเงามืดของโลกมีขนาดเล็ก ดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามืดด้วยความเร็ว 1 กิโลเมตรต่อวินาที

ประเภทของจันทรุปราคา  มี 3 ประเภท 

     1. จันทรุปราคาเต็มดวง  (Total Eclipse)  เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก  บางครั้งจะเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง  หรือที่เรียกว่า พระจันทร์สีเลือด”  การที่เรามองเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงมีสีดังสีเลือด  เนื่องมาจากโลกมีชั้นบรรยากาศห่อหุ้มอยู่  เมื่อเงาดำของโลกทอดไปทับดวงจันทร์ ชั้นบรรยากาศบางส่วนที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์จะสะท้อนแสงไปยังเงาดำนั้นบ้าง  จึงทำให้เกิดแสงสลัว ๆ ปรากฏขึ้น
     2. จันทรุปราคาบางส่วน  (Partial Eclipse)  เกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของดวงจันทร์เคลื่อนที่ผ่านเงามัวและเงามืดของโลก
     3. จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse)  เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามัวของโลก  โดยมิได้เคลื่อนที่เข้าไปในเงามืดแม้แต่น้อย  ดวงจันทร์จึงยังคงมองเห็นเต็มดวงอยู่  แต่ความสว่างลดน้อยลงสีของดวงจันทร์ออกส้มแดง  จันทรุปราคาชนิดนี้หาโอกาสดูได้ยาก  เพราะโดยทั่วไปดวงจันทร์มักจะผ่านเข้าไปในเงามืดด้วย




    
ลักษณะของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง

     เมื่อเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง  ดวงจันทร์ไม่ได้หายไปจนมืดทั้งดวง  แต่จะเห็นเป็นสีแดงอิฐ  เนื่องจากมีการหักเหของแสงอาทิตย์เมื่อส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก  สีของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน  แบ่งออกได้เป็น 5 ระดับ  ดังนี้

 ระดับ 0 ดวงจันทร์มืดจนแทบมองไม่เห็น
 ระดับที่ 1  ดวงจันทร์มืด  เห็นเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาลแต่มองไม่เห็นรายละเอียดลักษณะพื้นผิวของดวงจันทร์
 ระดับที่ 2  ดวงจันทร์มีสีแดงเข้มบริเวณด้านในของเงามืด  และมีสีเหลืองสว่างบริเวณด้านนอกของเงามืด
 ระดับที่ 3  ดวงจันทร์มีสีแดงอิฐและมีสีเหลืองสว่างบริเวณขอบของเงามืด
 ระดับที่ 4  ดวงจันทร์สว่างสีทองแดงหรือสีส้มด้านขอบของเงาสว่างมาก





1 ความคิดเห็น:

  1. ควรมีแหล่งอ้างอิงด้วยนะคะ และจากการพิจารณาเนื้อหา น่าจะแบ่งเมนูย่อยได้อีก

    ตอบลบ